UFABETWINS เบื้องหลังยักษ์ชนยักษ์ : ทำไม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ปีนี้ ถึงมีแต่คู่ใหญ่จับมาเจอกัน?

UFABETWINS  ผลการจับสลากฟุตบอลยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาล 2021/22 เต็มไปด้วยทีมใหญ่มากมาย ที่กระจายตัวมาเจอกันในรอบแบ่งกลุ่มครั้งนี้

เบื้องหลังยักษ์ชนยักษ์ : ทำไม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ปีนี้ ถึงมีแต่คู่ใหญ่จับมาเจอกัน?

 

ไม่ว่าจะเป็นการพบกันระหว่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กับ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง, บาร์เซลน่า กับ บาเยิร์น มิวนิค, หรือกลุ่ม B ที่มีทั้ง แอตเลติโก มาดริด, ลิเวอร์พูล, ปอร์โต้ และ เอซี มิลาน จนทำให้การแข่งขันในรอบแบ่งกลุ่มในฤดูกาลนี้ เต็มไปด้วยความเข้มข้นกว่าทุกครั้งที่เคยเป็นมา

เรื่องราวเบื้องหลังการแบ่งกลุ่มฟุตบอล UCL นั้นมีที่มาที่ไปอย่างไร และยูฟ่าใช้หลักการใดในการจัดทีมต่าง ๆ เข้าไปเล่นในแต่ละกลุ่ม มาไขคำตอบกันได้ในบทความนี้

ค่าสัมประสิทธิ์สุดสับสน

หลัก ๆ แล้ว สิ่งที่เราต้องทำความเข้าใจเป็นอย่างแรก คือจากทั้ง 32 ทีมที่ผ่านเข้ามาเล่นในรอบแบ่งกลุ่ม จะถูกจัดอยู่ใน 4 โถที่มีจำนวนเท่ากัน โดย 8 ทีมในโถแรกประกอบด้วยแชมป์ของรายการ ยูฟ่า แชมป์เปี้ยนส์ลีก, ยูโรป้าลีก, พรีเมียร์ลีก, ลาลีก้า, บุนเดสลีกา, เซเรีย อา, ลีกเอิง, และ พรีเมียรา ลีก้า

1

 

ส่วนในโถที่ 2 ถึง 4 จะเรียงลำดับของอีก 24 ทีมที่เหลือ ตามค่าสัมประสิทธิ์ของ ยูฟ่า ที่คำนวณโดยอิงจากผลงานที่ทีมต่าง ๆ ได้ทำไว้ในการแข่งขันฟุตบอลยุโรป ตลอดทั้ง 5 ฤดูกาลที่ผ่านมา ซึ่งทีมไหนที่ทำผลงานได้ดีมาโดยตลอด ก็จะได้อยู่ในโถที่ 2 ก่อนจะไล่ลำดับไปสู่โถ 3 และ 4 จนครบทุกทีม

ซึ่งตัวแปรสำคัญที่ผลักให้ทีมชื่อดังจำนวนมาก ต่างเข้าไปแออัดกันอยู่ในโถ 2 ก็เพราะว่าหลายทีมที่ก้าวขึ้นไปคว้าแชมป์ลีกในประเทศเมื่อฤดูกาลที่แล้ว กลับเป็นทีมหน้าใหม่ หรือไม่ใช่ตัวเต็งอย่างที่เราคาดหวังกันนัก

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ คว้าแชมป์ลีกอังกฤษ และ บาเยิร์น มิวนิค คว้าแชมป์ลีกเยอรมัน อาจไม่ใช่เรื่องเหนือความคาดหมาย แต่กับ อินเตอร์ มิลาน (อิตาลี), แอตเลติโก มาดริด (สเปน), ลีลล์ (ฝรั่งเศส), สปอร์ตติ้ง ลิสบอน (โปรตุเกส), และ เชลซี กับ บียาเรอัล ที่ต่างคว้าแชมป์ยุโรปถ้วยใหญ่และเล็กตามลำดับ จึงทำให้ไลน์อัพของสโมสรในโถที่ 1 ดูแปลกตาไปจากเดิมพอสมควร

กลับกันกับโถ 2 อันประกอบไปด้วย ลิเวอร์พูล (อันดับ 3 ตามค่าสัมประสิทธิ์ของยูฟ่า), บาร์เซโลน่า (4), เรอัล มาดริด (6), ปารีส แซงต์ แชร์กแมง (7), แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (8), ยูเวนตุส (9), เซบียา (11), และ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ (16) ซึ่งแม้จะเป็นทีมอันดับสุดท้ายในโถที่สอง แต่ทัพเสือเหลืองก็ยังมีค่าสัมประสิทธิ์สูงถึง 90.000 ซึ่งมากกว่าทั้งอินเตอร์ มิลาน, สปอร์ตติ้ง ลิสบอน, และลีลล์ ที่อยู่ในโถ 1 เสียอีก

2

และเมื่อทีมที่ควรอยู่ในโถ 1 กลับต้องมาเริ่มการจับสลากในโถ 2 นั่นจึงทำให้เกิดผลกระทบต่อทีมที่เคยเป็นขาประจำของโถ 2 อย่าง ปอร์โต้, อาหยักซ์ อัมสเตอร์ดัม, และ ชัคตาร์ โดเนตส์ค ต่างต้องลดลงไปอยู่ในโถ 3 โดยปริยาย ซึ่งในจุดนี้ ก็ยังมีสโมสรอย่าง แอร์เบ ไลป์ซิก, เรดบูล ซัลซ์บวร์ก, เบนฟิก้า, อตาลันต้า, และ เซนิต เซนต์ ปีเตอร์สเบิร์ก ร่วมอยู่ด้วย

ส่วนพื้นที่ของโถ 4 ที่เคยเป็นแหล่งรวมทีมชื่อไม่คุ้นอย่าง เชอร์ริฟ ทิรัสปอล (Sheriff Tiraspol) ก็กลายเป็นสโมสรน้องใหม่เพียงหนึ่งเดียว ที่ทะลุผ่านรอบคัดเลือกรอบแรกเข้ามาสู่การจับสลากรอบแบ่งกลุ่มได้ โดยอยู่ร่วมโถเดียวกันกับ เบซิคตัส, ดินาโม เคียฟ, คลับ บรูจ, ยัง บอยส์, เอซี มิลาน, มัลโม่, และ โวล์ฟสบวร์ก ซึ่งต่างก็มีชื่อชั้นอยู่ไม่น้อยเลย

ที่น่าสนใจคือ เมื่ออิงตามค่าสัมประสิทธิ์แล้ว ลีลล์ (14.000) ที่อยู่ในโถ 1 ยังมีคะแนนน้อยกว่า เชอร์ริฟ ทิรัสปอล (14.500) น้องใหม่จากโถ 4 ด้วยซ้ำ ซึ่งถ้าไม่ใช่เพราะการเป็นแชมป์ลีกในประเทศแล้ว ลีลล์ กับ สปอร์ติ้ง ลิสบอน จะต้องออกสตาร์ตจากโถ 4 ในปีนี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

คลิกเลย >>> https://www.ufabetwins.com/
อ่านเพิ่มเติม >>> บ้านผลบอล