UFABETWINS การแสดงที่ดีที่สุดในชีวิตของ โรเบิร์ต เดอ นีโร ในฐานะ “เจค ลามอตต้า” นักมวยสุดบ้าบิ่น

UFABETWINS รางวัลออสการ์ 2 สมัยทำให้ โรเบิร์ต เดอ นีโร กลายเป็นตำนานของวงการฮอลลีวูด

หนึ่งในบทบาทที่ทำให้เขากลายเป็นตำนาน คือการใส่นวมและสวมวิญญาณของ เจค ลาม็อตต้า นักชกที่ว่ากันว่า “โดนต่อยเท่าไหร่ก็ไม่เคยเจ็บ” ภายใต้บทบาทนักมวยนั้นมีอะไรซ่อนอยู่ และ โรเบิร์ต เดอ นีโร ทุ่มสุดตัวขนาดไหนจนได้ออสการ์ ? ติดตามทั้งหมดได้ที่นี่ 1950s ยุคที่ไฟเตอร์เต็มวงการ ฉายาของนักมวย สามารถบอกถึงวิธีการและจิตใจของนักชกเหล่านั้นได้เป็นอย่างดี ย้อนกลับไปในช่วงยุค 40s-50s ว่ากันว่ายุคนั้นเป็นยุคที่มวยชกกันได้มันและสนุกสะใจ

คนดูมากที่สุด โดยมีชื่อเรียกยุคกันอีกอย่างว่า ยุคโอลด์สคูล ของวงการมวยเลยก็ว่าได้ ตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดคือในยุค 40s-50s นั้น นักมวยแต่ละคนยังไม่ได้มีวิทยาศาสตร์การกีฬาเข้ามาเกี่ยวข้อง ไม่มีนักโภชนาการดูแลอาหารของนักนักชกยุคนั้น ไม่มีนักจิตวิทยาทางการกีฬาเพื่อช่วยให้พวกเขาสามารถลดความตึงเครียดในจิตใจได้เหมือน ณ ปัจจุบัน ซึ่งสิ่งเหล่านี้เริ่มเข้ามาในช่วงปลายยุค 60s หรือจะอธิบายให้เห็นภาพคือ ยุคที่ มูฮัมหมัด อาลี เข้ามาในวงการ

และทำให้มวยรุ่นเฮฟวี่เวตดังคับโลกนั่นเอง ในยุค 40s-50s นั้นมันเป็นอะไรที่แตกต่างมากมาย ที่เห็นชัดที่สุดในตอนนั้นคือ นักมวยผิวดำไม่ได้รับการยอมรับเหมือนปัจจุบัน ในช่วงเวลานั้นที่สหรัฐอเมริกา มีมาเฟียมวยซึ่งส่วนใหญ่มาจากพวกแก๊งสเตอร์ที่เป็นกลุ่มคนผิวขาว การเลี้ยงนักมวยไว้ในแก๊งเปรียบเหมือนกับการมีอาวุธเอาไว้ขู่คู่แข่ง และเป็นการเอาชนะกันบนเวทีแทนที่จะใช้ปืนยิงกันที่ข้างถนน จะเห็นได้ว่ามวยในยุคนั้น มันคือการเดิมพันกันด้วยศักดิ์ศรีของแก๊ง

UFABETWINS

มากกว่าการที่จะหาผู้ชนะในแง่ความเป็นเลิศทางกีฬา ซึ่งสิ่งเหล่านี้สะท้อนออกมากับนักมวยแทบทุกคนในยุคนั้น เมื่อพวกเขาเดินขึ้นเวที ไม่มีใครชกเพื่อรอนับคะแนนเมื่อต่อยครบยก น็อคเอาต์เท่านั้นที่พวกเขาต้องการ ยอดฝีมือในยุคนั้นมีเพียงหนึ่งเดียว ชื่อของเขาคือ ชูการ์ เรย์ โรบินสัน นักชกผิวดำ ที่ถูกเรียกว่า “นักชกที่ดีที่สุดเมื่อเทียบกันปอนด์ต่อปอนด์” คนแรกของโลก ด้วยเหตุผลของความเก่งกาจที่ขึ้นมาเป็นแชมป์โลกได้ ในช่วงเวลาที่โดนเหล่ามาเฟียกีดขวางเส้น

ทางนักชกผิวดำ ด้วยการชนะทุกคนจนหมด และนำมาซึ่งการเปิดโอกาสให้เขาขึ้นชิงแชมป์โลกเป็นครั้งแรก และครองบัลลังก์นักชกที่เอาชนะคู่แข่งได้มากกว่าร้อยไฟต์ “ชูการ์ เรย์ โรบินสัน คือคนที่ต้องต่อสู้กับพลังที่มองไม่เห็น นอกจากไล่กวาดนักชกที่ยิ่งใหญ่ในรุ่นจนหมดเกลี้ยง เขายังต้องสู้กับเรื่องเชื้อชาติ แต่ที่สุดยอดคือเขาสามารถเอาชนะอุปสรรคทั้งหมดได้” วิล เฮย์กู้ด ผู้เขียนหนังสือ Sweet Thunder: Life and Times of Sugar Ray Robinson กล่าว

ด้วยสิ่งต่าง ๆ ที่กล่าวมา ก็น่าจะพอเข้าใจความไร้เทียมทานของ ชูการ์ เรย์ โรบินสัน ได้เป็นอย่างดี และอย่างที่กล่าวไว้ข้างต้น มวยยุคนั้นไม่เคยมีการเลือกคู่ชกแบบกลัวเสียแชมป์ ไม่มีการอมเข็มขัด ใครเก่งที่สุดย่อมได้เจอกันแบบไร้ข้อแม้ ดังนั้นแม้แต่คนเก่งอย่าง โรบินสัน ก็ยังต้องเคยลิ้มรสความพ่ายแพ้ครั้งแรกจนได้ แต่ใครล่ะที่สามารถเอาชนะนักมวยที่ดีที่สุดในโลกเมื่อเทียบกันปอนด์ต่อปอนด์ นักชกที่หลายคนบอกว่าครบเครื่องและล้ำยุคเหมือนกับย้อนเวลามาจากโลก

อนาคต ผู้ปราบ ชูการ์ เรย์ โรบินสัน คือ เจค ลาม็อตต้า เจ้าของฉายา กระทิงคลั่ง ว่ากันว่านักชกคนนี้ไม่เคยรู้จักคำว่าเจ็บคำว่าปวด และทนมือทนหมัดมากที่สุด เขาใช้สิ่งนี้เอาชนะ โรบินสัน จริงหรือไม่ ? กระทิงคลั่ง เรื่องราวของ เจค ลาม็อตต้า นอกสังเวียน ไม่ได้ยิ่งใหญ่เหมือนกับที่ ชูการ์ เรย์ โรบินสัน เป็น เขาเป็นลูกครึ่งอเมริกัน-อิตาเลียน และเติบโตมาในสังคมของแก๊ง เคยปล้นและฆ่าคนด้วยการซ้อมจนตายมาแล้ว (เรื่องดังกล่าวเจ้าตัวออกมาสารภาพในภายหลัง)

และชื่อเสียงเรียงนามของเขาไม่ค่อยดีนัก โดยเฉพาะเรื่องการใช้ความรุนแรงในครอบครัว เขายอมรับว่าเขามีนิสัยเสีย คือการชอบทุบตีภรรยาในยามที่มึนเมา จนทำให้ชีวิตสมรสของเขาไม่ค่อยประสบความสำเร็จเท่าไรนัก โดยเขาผ่านการแต่งงานมาถึง 7 ครั้งเลยทีเดียว อย่างไรก็ตามในฐานะนักมวย ลาม็อตต้า ถือเป็นนักชกสไตล์ยุค 40s-50s ของแท้ แม้ฝีไม้ลายมือจะเป็นรอง ชูการ์ เรย์ โรบินสัน แต่ เจค ลาม็อตต้า ถูกเรียกว่า กระทิงคลั่ง ด้วยเหตุผลที่ว่า

เขามักจะระบายความโกรธแค้นเมื่อขึ้นเวที ยิ่งเขาโดนคู่แข่งชกเท่าไหร่ เขายิ่งเลือดขึ้นหน้า และซึมซับเอาน้ำหนักหมัดของคู่ชกเข้ามาเป็นพลังของตัวเอง ฟังดูอาจจะเหมือนเว่อร์ แต่เขาก็เคยบอกด้วยตัวเองว่า ตอนที่เขาโดนชก เขาไม่รู้สึกเจ็บปวดเลยแม้แต่น้อย “ผมต่อสู้ตั้งแต่ 7 ขวบ ผมสู้ข้างถนนเพื่อเงินไม่กี่เหรียญ ผมเอาเงินที่ได้มาช่วยพ่อผมจ่ายค่าเช่าบ้าน ผมขึ้นเวทีมาจนนับไม่ถ้วนเพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งที่ผมต้องการ ตอนที่ซ้อมมวย เด็กคนอื่นอาจจะซ้อมแค่ 3-4 ยก

แต่ผมซ้อมทีละ 10-20 ยก” “ผมชินกับการโดนชก จนเหมือนกับว่าผมสามารถหลอกร่างกายตัวเองได้ว่าผมไม่ได้เจ็บปวด ผมรู้สึกว่าไม่มีใครทำผมเจ็บได้ ผมอาจจะถูกเย็บที่หางคิ้ว จมูกหัก มือแตก แต่ขอโทษเถอะ ผมไม่เคยเจ็บปวดกับเขาเลยสักที” เจค ลาม็อตต้า ว่าไว้เมื่อครั้งที่เขายังมีชีวิต ลาม็อตต้า นั้นถือเป็นเจ้าถิ่นในรุ่นมิดเดิลเวตมาก่อน จนกระทั่งวันที่ ชูการ์ เรย์ โรบินสัน ใช้ฝีมือเอาชนะเรื่องสีผิว และก้าวจากรุ่นเล็กกว่าขึ้นมา ทั้งคู่จึงได้เจอกันครั้งแรกในเดือน

ตุลาคมปี 1942 การเจอกันครั้งนั้นเป็นเหมือนไฟต์แรกของโลกที่มวยสากลสามารถแบ่งสายนักมวยได้ 2 แบบ ได้แก่ ไฟเตอร์ และ บ็อกเซอร์ ลาม็อตต้า เป็นมวยไฟเตอร์หมัดหนักแต่ตั้งรับไม่เป็น ขณะที่ ชูการ์ เรย์ โรบินสัน คือมวยที่เหมือนมาจากอนาคต เน้นการชกที่จะแจ้ง พลังหมัดสูง รู้จักผ่อนช้า เร่งจังหวะ “มวยสไตล์ของผมคือการออกมาจากมุมได้เมื่อไหร่แล้วชกกันให้ตายไปข้าง ลงโทษคู่ชกให้ได้ หยิบยื่นหมัดให้พวกเขากินแทนอาหาร บู้ม บู้ม บู้ม !

UFABETWINS

ให้มันร่วงตรงนั้นไปเลย” ลาม็อตต้า กล่าวกับ The New York Times การเจอกันครั้งแรก เจค ลาม็อตต้า เดินหน้าชก ชูการ์ เรย์ แบบไม่กลัวตาย ไฟต์นั้นแม้เขาจะเป็นฝ่ายเดินหน้า แต่ ชูการ์ เรย์ คือคนที่ออกหมัดจะแจ้งยิ่งกว่า โคตรมวยคนนี้ได้ทุกแบบไม่ว่าจะดักชกหรือแลกหมัดกับ ลาม็อตต้า ดังนั้นการเจอกันในปี 1942 ลาม็อตต้า จึงแพ้คะแนนไปแบบเอกฉันท์ ข้อดีอย่างเดียวที่ยังพอไหว คือในไฟต์นั้นเขาไม่ยอมโดนนับ 10 ให้เสียชื่อฉายา กระทิงคลั่ง

เขาฝืนจนยืนครบยกได้อย่างน่าชื่นชม แม้จะต้องเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ก็ตาม ความห่างชั้นค่อนข้างจะชัดเจนในระดับหนึ่ง แต่เมื่อแพ้ไปก็ต้องทวงแค้นคืน หลังจากพ้นไฟต์แรกมาไม่นาน ลาม็อตต้า ยังคงเชื่อมั่นตัวเองเสมอว่า เขาจะสามารถทนหมัดที่หนักหน่วงของ ชูการ์ เรย์ ได้นานกว่าไฟต์ที่ผ่านมา และจะสู้ได้ดีกว่าที่เคย เขาเป็นคนประเภทที่หลายคนอาจจะเรียกว่าโง่ แต่สำหรับ ลาม็อตต้า เรียกว่าความเชื่อมั่น “ผมไม่เคยกังวลเลยก่อนการเดินขึ้นเวทีเพื่อชกกับใคร

ผมคิดเสมอว่าผมสามารถชนะได้ ทุกครั้งและตลอดเวลา ผมเป็นเช่นนั้นมาเสมอ” เขาว่าไว้ ไฟต์ที่ 2 ลาม็อตต้า กลับมาพร้อมกับแบกศักดิ์ศรีของย่านบรองซ์ ถิ่นของแชมป์มวยโลก และสามารถยัดเยียดความปราชัยครั้งแรกให้กับ โรบินสัน ได้สำเร็จ ด้วยการเอาชนะคะแนน ก่อนจะชกกันอีก 3 ครั้งภายในช่วงยุค 40s (ไฟต์ที่ 2 และ 3 ของทั้งคู่เกิดขึ้นในช่วงเวลาห่างกันเพียง 21 วันเท่านั้น) ซึ่ง 3 ครั้งดังกล่าว ชูการ์ เรย์ เอาชนะได้ทั้งหมด จนมาถึงครั้งสุดท้าย

ครั้งที่ทั้งคู่อยู่ในช่วงอายุที่พีกที่สุด แถมยังมีเข็มขัดแชมป์โลกรุ่นมิดเดิลเวตเป็นเดิมพัน การต่อสู้ครั้งที่ 6 ในปี 1951 ที่ เจค ลาม็อตต้า ได้แสดงให้โลกรู้ว่า ทำไมเขาถึงได้ฉายาว่า ไอ้กระทิงคลั่ง ไฟต์นั้น ชูการ์ เรย์ โรบินสัน เหนือกว่าตามราคา เขาเดินหน้าไล่ชกหมายจะเอา ลาม็อตต้า ที่เป็นแชมป์โลกให้น็อคตั้งแต่ไก่โห่

แต่ ลาม็อตต้า แสดงให้เห็นว่าการโม้ว่า “ไม่เคยเจ็บ” ของเขาไม่ใช่แค่ข่าวลือ เขาโดน โรบินสัน จ้วงหมัดแล้วหมัดเล่า ชนิดที่ว่าใครเห็นก็ต้องบอกว่าลงแน่ แต่สุดท้าย ลาม็อตต้า ยืนระยะได้ถึง 13 ยก และแสดงออกถึงความ “ไม่เคยกลัว” นักชกที่ดีที่สุดในโลกตลอดกาลอย่าง โรบินสัน ด้วย

 

คลิ๊กเลย >>> UFABETWINS

อ่านข่าวเพิ่ม >>> บ้านผลบอล