ตำแหน่งที่ดีที่สุดของเขาคือ กองกลางบ็อกซ์-ทู-บ็อกซ์ จึงไม่แปลกอะไรที่จะมีไอดอลเป็น แฟร้งค์ แลมพาร์ด
ก่อนที่สายตาชาวโลกจะรู้จักในฐานะนักเตะดาวรุ่งของ เชลซี ชื่อของ คอเนอร์ กัลลาเกอร์ ปรากฏให้เป็นที่รู้จักอยู่ก่อนแล้ว ในฐานะสมาชิกทีมชาติอังกฤษ ยู-17 ชุดแชมป์โลกเมื่อ 4 ปีที่แล้ว
เชลซี จับ กัลลาเกอร์ ไปเพาะบ่มฝีเท้าในเวทีแชมเปี้ยนชิพกับ ชาร์ลตัน แอธเลติก และ สวอนซี ซิตี้ ในฤดูกาล 2019-20 เฉกเช่นดาวรุ่งอีกหลายต่อหลายคนที่ส่งไปพัฒนาฝีเท้ากับทีมต่างๆ ในทุกฤดูกาล
แต่ดูเหมือนฝีเท้าของ กัลลาเกอร์ จะโดดเด่นมากขึ้นเรื่อยๆ ฤดูกาล 2020-21 จึงได้สัมผัสบรรยากาศในพรีเมียร์ลีกกับ เวสต์บรอมวิช อัลเบียน ที่ยืมใช้งานตลอดซีซั่น
แม้ภาพรวม เวสต์บรอมวิช ต้องตกชั้น แต่เมื่อพิจารณาจากผลงานส่วนตัวแล้ว กัลลาเกอร์ ช่วยทีมได้ไม่น้อย
ฤดูกาล 2021-22 กัลลาเกอร์ ก็ยังหาที่ลงในทีมของ โธมัส ทูเคิ่ล ไม่ได้ คริสตัล พาเลซ จึงเป็นทีมที่ขันอาสาช่วยขัดเกลาฝีเท้าให้ไปได้ไกลกว่าที่ยืนอยู่
![](https://www.thsport.com/images/column/6000/column-5349-dd0e28ce39912f3d2cbe14fffc0ed15a.jpg)
ตำแหน่งของ กัลลาเกอร์ ถูก ปาทริค วิเอร่า จับวางเป็นหนึ่งในสามกองกลางในระบบการเล่น 4-3-3 แต่กลายเป็นมิดฟิลด์ที่มีพลังขับเคลื่อนในเกมรุกมากกว่า ชีคคู คูยาเต้ กับ เจมส์ แม็คอาร์เธอร์
สะท้อนให้เห็นจากการยิง 4 ประตูจาก 10 เกมที่ลงสนามในพรีเมียร์ลีก เป็นผู้นำดาวซัลโวของทีมร่วมกับ วิลฟรีด ซาฮา ที่กำลังประสานงานกันได้อย่างเข้าขารู้ใจ
กัลลาเกอร์ เคยนิยามตัวเองว่าเป็นกองกลางประเภท ‘บ็อกซ์-ทู-บ็อกซ์’ แปลให้เห็นภาพคือจากกรอบโทษอีกฝั่งไปยังกรอบโทษอีกฝั่ง หรือจะจับเล่นกองกลางตัวต่ำ หรือกองกลางตัวสูง ก็เล่นได้ไม่มีปัญหา
จุดเด่นของกองกลาง ‘บ็อกซ์-ทู-บ็อกซ์’ คือเรื่องพละกำลัง ที่จะต้องวิ่งพล่านขึ้นขึ้นลงลงซ้ายขวาซ้ายขวาไปทั่วสนาม และที่ขาดไม่ได้คือความขยัน เท้าข้างนึงพร้อมที่จะเสียบสกัด และอีกข้างต้องพร้อมที่จะผ่านบอลอยู่ตลอดเวลา
![](https://www.thsport.com/images/column/6000/column-5349-97221abe402fc5b65341ed7e816f2d16.jpg)
เป้าหมายของ กัลลาเกอร์ ก็เหมือนเพื่อนคนอื่นๆ ที่ เชลซี คือการทำผลงานให้ดีที่สุดกับต้นสังกัดที่ยืมตัวมา จากนั้นค่อยคิดถึงอนาคตในการกลับไป สแตมฟอร์ด บริดจ์ ซีซั่นถัดมา
กัลลาเกอร์ เคยคิดแบบนี้มาแล้วตอนไปเล่นกับ เวสต์บรอมวิช ซีซั่นก่อน แต่ช่วงซัมเมอร์ที่ผ่านมา เจ้าตัวก็รู้ดีว่าผลงานยังดีไม่พอ และยังไม่ถึงเวลาที่จะกลับไปแย่งตำแหน่งในทีมของ ทูเคิ่ล
แต่สถานการณ์กับ คริสตัล พาเลซ ในช่วงต้นฤดูกาลนี้ มีความแตกต่างออกไป
ไม่ใช่แค่การเป็นตัวหลักในทีมของ วิเอร่า ไม่ใช่แค่การยิงประตูได้เยอะ แต่ กัลลาเกอร์ ยังได้รับรางวัลตอบแทนครั้งใหญ่ในชีวิต นั่นคือการถูกเรียกตัวติดทีมชาติอังกฤษชุดใหญ่เป็นครั้งแรก
![](https://www.thsport.com/images/column/6000/column-5349-d25511201f6a622861e0c34419aa8ae7.jpg)
มิหนำซ้ำ ยังได้ลงประเดิมสนามในเกมฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก เกมสุดท้ายที่บุกถล่ม ซาน มารีโน่ 10-0 เป็นการลงสำรองในครึ่งหลังที่ไม่อาจลืมได้ลง
ถึงตอนนี้ กัลลาเกอร์ อาจคิดถึงการสวมชุด เชลซี ในฤดูกาล 2022-23 มากขึ้นๆ ซึ่งก็มีสิทธิ์ที่จะฝันเช่นนั้น แต่ต้องไม่ลืมว่า เพื่อนๆ อีก 21 คนที่ถูกปล่อยยืมในซีซั่นนี้ ต่างก็คิดแบบเดียวกัน
แถมยังมีเรื่องการเสริมทัพให้ต้องกังวลใจอีก เพราะ เชลซี อาจทุ่มงบประมาณเสริมทัพให้ ทูเคิ่ล อย่างหนักหน่วงอีกในช่วงซัมเมอร์ปีหน้า ยิ่งเป็นการบั่นทอนโอกาสของบรรดานักเตะที่ถูกปล่อยยืม
ถึงกระนั้น ชื่อของ กัลลาเกอร์ กับ บิลลี่ กิลมอร์ ที่ถูกปล่อยไปให้ นอริช ยืมใช้งาน คือสองนักเตะที่อยู่หัวแถวที่มีโอกาสกลับไปอยู่ในทีมของ ทูเคิ่ล ฤดูกาลหน้ามากที่สุด
ตราบใดที่การเล่นให้กับ คริสตัล พาเลซ ไร้ความกดดัน กัลลาเกอร์ ต้องรักษาผลงานที่ดีแบบนี้เอาไว้ และฉกฉวยนาทีที่ลงเล่นให้ทีมชาติอังกฤษให้ได้มากที่สุด เพื่อเป็นใบเบิกทางกลับ สแตมฟอร์ด บริดจ์
![](https://www.thsport.com/images/column/6000/column-5349-c1d6c7cb29b18e799c57c3769ccaa4d6.jpg)
จากนั้นค่อยมาคิดเรื่องตำแหน่งในทีมของ ทูเคิ่ล ที่เล่นระบบ 3-4-2-1 ว่าเหมาะที่จะไปแข่งขันตำแหน่งกองกลางตัวต่ำกับ เอ็นโกโล่ ก็องเต้, มาเตโอ โควาชิช, จอร์จินโญ่
หรือจะไปแย่งตำแหน่งกองกลางตัวสูงที่มี เมสัน เมาท์, ฮาคิม ซิเยค, คัลลัม ฮัดสัน-โอดอย, คริสเตียน พูลิซิช, รูเบน ลอฟตัส-ชีค, รอสส์ บาร์คลี่ย์ ยืนขวางทางอยู่
บางที ต่อให้โชว์ฟอร์มดีกับ คริสตัล พาเลซ มากแค่ไหน โอกาสกลับไปมีชื่ออยู่ในทีม เชลซี ก็ยังคงยากอยู่ดี แม้มีสัญญาระยะยาวจนถึงปี 2025 แต่อนาคตของ คอเนอร์ กัลลาเกอร์ อาจไปอยู่ที่อื่น ที่ไม่ใช่ สแตมฟอร์ด บริดจ์